Support
nokhuakawan
0810271593
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2011-04-18 16:18:00.0     Forum: สาระน่ารู้  >  วิธีการบูชาพระพิฆเนศอย่างถูกต้อง

 

วิธีการบูชาพระพิฆเนศอย่างถูกต้อง

 การบูชาพระพิฆเนศ หากไม่สะดวกที่จะจัดเตรียมอย่างยิ่งใหญ่ ก็สามารถเตรียมแต่พอประมาณ เพื่อการสวดบูชาได้ทุกๆวัน ซึ่งหลักๆ แล้วมีสิ่งที่ต้องเตรียม เพื่อการบูชาพระพิฆเนศ ดังต่อไปนี้

อุปกรณ์
1. รูปภาพ หรือ เทวรูปพระพิฆเนศ ที่เราบูชาอยู่

2. ธูป หรือ กำยาน (อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่าง)
ถ้าใช้กำยานแท่ง ให้ใช้ 1 อัน ใช้ได้ทุกกลิ่น
ถ้าใช้กำยานผง ให้ตักใส่โถตามความเหมาะสม

ถ้าใช้ธูป จะใช้กี่ดอกก็ได้...ขอย้ำว่ากี่ดอกก็ได้นะครับ
เพราะที่อินเดียจริงๆ แล้วไม่มีการกำหนดจำนวนธูปมาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากเหตุผลที่จุดธูปก็คือ ต้องการถวายกลิ่นหอมแก่เทพ และ ให้ควันธูปเป็นสื่อนำคำอธิษฐานเราไปสู่เทพ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากประหยัดก็ใช้ 1 ดอกก็ดีครับ ลดโลกร้อนด้วย มีคนไทยเท่านั้นที่ถือว่าธูป 1 ดอกคือการไหว้ศพ ชาวฮินดูเค้าหยิบออกมาจากซองได้มากี่ดอกก็จุดเลยครับ ไม่มีการนับ หรือถ้าจะให้สบายใจ ไหว้แบบคนไทยหรือจีน ก็ใช้ 3 ดอก 5 ดอก 9 ดอกครับ

3. กระถางธูป หรือ แท่นวางกำยาน
ใส่ดิน หรือ ผงธูป ลงในกระถางธูปก่อนเพื่อให้สามารถปักธูปได้
สำหรับแท่นวางกำยานก็มีขายหลายแบบ ส่วนใหญ่ทำจากกระเบื้องเซรามิก ดินเผา ทองเหลือง ฯลฯ หรือจะซื้อถ้วยเล็กๆ ตื้นๆ แบบที่ใส่พริกน้ำปลา มาใช้แทนก็ได้ครับ

4. ประทีป (ดวงไฟ เทียน ตะเกียงน้ำมัน การบูร)
ใช้เป็นไฟส่องสว่าง ควรมี 2 ดวงซ้าย-ขวา หรือเทียน 2 เล่ม
ถ้าใช้เทียน ก็ปักลงแท่นให้เรียบร้อย
ถ้าใช้ตะเกียงน้ำมัน ตรวจสอบน้ำมันให้มีเพียงพอ
 
 
เครื่องสังเวย
1. ดอกไม้
ถวายได้ทุกพันธุ์ ควรเป็นดอกไม้สด จะร้อยเป็นพวง เป็นช่อ หรือดอกเดียวก็ได้ ให้ล้างทำความสะอาดก่อนถวาย
ดอกไม้ที่ดีที่สุดคือ ดอกบัว เพราะในบทสวดของเทพทุกพระองค์ มีหลายๆโศลก หลายๆบท ที่กล่าวว่า
"ขอน้อมบูชาเทพผู้มีพระบาทงดงามดั่งดอกบัว" คือ ยกย่องสรรเสริญว่าทวยเทพทั้งหลายนั้นมีเท้าที่สวยงามเปรียบเสมือนดอกบัวที่งดงาม
ส่วนดอกไม้อื่นๆ ได้หมดครับ ไม่ว่าจะเป็นดาวเรือง มะลิ กุหลาบทุกสี ขอให้สด สะอาด มีกลิ่นหอมโชยก็ได้แล้วครับ

2. น้ำสะอาด
อันนี้ต้องมี ขาดไม่ได้เด็ดขาดนะครับ ห้ามใช้น้ำจากขวดที่เราเคยเปิดกินมาแล้ว แนะนำให้จัดขวดน้ำแยกไว้เพื่อรินถวายเทพโดยเฉพาะ โดยเทใส่แก้วเล็กๆ ซึ่งแก้วน้ำนี้ก็ต้องเป็นแก้วที่จะใช้ถวายเทพโดยเฉพาะเช่นเดียวกัน

3. นมสด
(หากจัดหาไม่ได้ จะถวายน้ำเปล่าอย่างเดียวก็ได้) นมที่ใช้ถวาย ควรเป็นนมสด (จืด) ที่ไม่ใช่รสดัดแปลง เช่น รสช็อคโกแล็ต รสสตรอเบอรี่ หรือนมเปรี้ยวดัดแปลงต่างๆก็ไม่ควรครับ แต่เราสามารถถวาย โยเกิร์ต ได้ โดยให้เลือกรสธรรมชาติ เนื่องจากโยเกิร์ต คือวิธีการทำนมเปรี้ยวในแบบของโบราณนั่นเอง หากนมเป็นกล่อง สามารถเสียบหลอดไว้ได้ หรือถ้าจะให้ดีก็เทใส่แก้วเลยครับ

4. ผลไม้
ผลไม้อะไรก็ใช้ถวายได้ ไม่ต้องแพงมากครับ ใช้ผลไม้ตามฤดูกาล สับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็ดี ผลไม้ที่แนะนำคือ กล้วย อ้อย สาลี่ ชมพู่ มะขวิด ผลหว้า และ มะพร้าวผ่าซีก ใส่ในถาดหรือจานสะอาด (ซื้อมาเป็นกิโลๆ แช่เย็นไว้แล้วแบ่งออกมาถวาย ก็เหมาะสมในเศรษฐกิจยุคนี้ครับ)

5. ขนมหวาน
ห้ามใช้ขนมที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ (ประมาณว่าแซนวิชหมูหยองนี่ห้ามนะครับ) ควรเป็นขนมที่ทำจากแป้ง มีความหวาน มัน เน้นน้ำตาลและกะทิ จัดใส่ถาดหรือจานสะอาด ปัจจุบันอนุโลมให้มีส่วนผสมของไข่ได้ มิฉะนั้นจะหาขนมมาถวายยากมากๆ

***ห้ามถวายของคาว เช่น ข้าวผัดกระเพรา ก๋วยเตี๋ยว หัวหมู เป็ด ไก่ตอน ฯลฯ เพราะไม่เหมือนกับการเซ่นไหว้เจ้าแบบจีนนะครับ
***จาน ถาด แก้วน้ำ ให้จัดไว้สำหรับบูชาเทพเท่านั้น ใช้เสร็จแล้วล้างให้สะอาด เก็บแยกไว้ ห้ามใช้ปะปนกับของคน

***เครื่องสังเวยอื่นๆที่สามารถถวายได้ ได้แก่ พืชพรรณ ธัญญาหารต่างๆ ข้าวสาร ข้าวกล้อง เกลือ น้ำตาล เมล็ดพริกไทย เมล็ดถั่ว งาขาว งาดำ ใบชา เมล็ดกาแฟสด มะเขือ มะขวิด ใบกระเพรา ใบโหระพา เครื่องเทศต่างๆ ผักสดทุกชนิด และผลไม้ทุกชนิด
 
ขั้นตอนการบูชา
เพื่อการสวดบูชาให้ได้ผลสูงสุด ควรเลือกเวลาที่เงียบสงัด เช่น เช้าตรู่ หรือ ก่อนนอน จะได้ไม่มีเสียงรบกวนจากผู้อื่น
1. นำของสังเวยทั้งหมด (น้ำ นม ผลไม้ ขนมหวาน) จัดวางไว้หน้าเทวรูป, รูปบูชา

2. ดอกไม้ ถ้าเป็นช่อหรือดอกเดียวให้วางไว้ข้างหน้า ถ้าร้อยเป็นพวง สามารถนำไปคล้องที่พระกรหรือศาสตราวุธของเทวรูปได้

3. จุดกำยาน ธูป ประทีป เทียน

4. การพนมมือ ให้พนมมือแบนราบติดกันนะครับ ไม่ใช่แบบดอกบัวตูม แล้วตั้งจิตให้สงบนิ่ง

5. เมื่อจิตสงบนิ่งแล้ว ให้ เริ่มสวดบูชา...
การสวดมนต์นั้น ท่านสามารถเลือกบทสวด บทอัญเชิญ หรือบทสรรเสริญ บทใดก็ได้มาหนึ่งบท หรือจะสวดหลายๆ บท ให้ต่อเนื่องกันก็ยิ่งดีครับ
บทสวดมนต์ทั้งหลาย สามารถดูได้จากลิ้งก์ดังต่อไปนี้
- รวมบทสวดมนต์พระพิฆเนศ (จากหลายตำรา)
- รวมบทสวดพระพิฆเนศ 108 พระนาม

ในเบื้องต้นสำหรับการบูชาพระพิฆเนศนั้น คาถาบูชาที่ส่วนใหญ่นิยมคือ โอม ศรี คะเนศา ยะนะมะฮา (Om Shri Ganesha Yanamaha) อ่านออกเสียงตามแบบอินเดียว่า โอม ชรี กาเนชา ยะนะมะฮะ แต่ถ้ามีเวลาในการสวดบูชา แนะนำให้ทำสมาธิด้วยการสวดมนต์ โดยท่องบทเดียวกันให้วนไปเรื่อยๆ จะเป็น 108 จบก็ดี หรือจะเปิดเพลงขณะบูชาด้วยก็ดีครับ (สามารถโหลดเพลงได้ที่หน้าแรก) ควรศึกษาและจำบทสวดมนต์ให้ได้หลายๆ บท เพื่อประโยชน์ในการทำสมาธิขณะสวดมนต์ หรือการสักการะในโบสถ์ วัด เทวาลัยต่างๆ

6. ถวายไฟ หรือการทำ อารตี หากไม่สะดวกใช้ตะเกียงอารตี (ต้องใช้สำลีชุบน้ำมัน) สามารถถวายไฟแบบใช้เทียน หรือ การบูร ให้นำใส่ถาดแล้วจุดไฟ ยกขึ้นหมุนวนเป็นวงกลม (ตามเข็มนาฬิกา) 3 รอบ ต่อหน้าองค์เทวรูป หรือรูปภาพเทพที่เราบูชา แล้วใช้ฝ่ามืออังไฟ แล้วมาแต่ที่หน้าผาก เพื่อให้เกิดความสว่างแก่จิตและดวงปัญญา หรือแตะบริเวณอื่นๆ ที่เป็นโรคเจ็บป่วย

7. ขอพรตามประสงค์
จากนั้นให้กล่าวคำว่า "โอม ศานติ...ศานติ...ศานติ" เพื่อขอความสันติให้บังเกิด เป็นอันเสร็จสิ้น (หรืออ่านในหน้ารวมบทสวด)

8. ลาเครื่องสังเวย
ถ้าจุดเทียน สามารถเป่าเทียนให้ดับได้เลย เพื่อป้องกันอัคคีภัย (ใช้เทียนเล่มเดิมนี้ จุดบูชาในวันต่อไปได้เรื่อยๆ จนเทียนหมด)
ถ้าจุดธูปหรือกำยาน ต้องรอให้หมดดอก จึงจะลาเครื่องสังเวยได้

นำเครื่องสังเวยต่างๆ ยกขึ้นจรดหน้าผาก แล้วกล่าวว่า "โอม ปราสดัม ศิรสา กฤนาม"
เพื่อขออนุญาตลาเครื่องสังเวย อย่าทิ้งอาหารไว้ให้เน่านะครับ
น้ำเปล่า - สามารถนำมาล้างหน้าหรือแต้มหน้าผากเพื่อเป็นสิริมงคล
นมสด - ให้เททิ้งครับ ปล่อยไว้ค้างคืนจะทำให้นมบูด (บางคนดื่มแล้วท้องเสียครับ)
ผลไม้และขนม - ยกออกมาใส่จาน เพื่อมาแบ่งกันทานในครอบครัว ถือเป็นอาหารทิพย์
(ไม่ควรทานทั้งๆที่อยู่ในจานหรือถาดสำหรับถวาย เพราะห้ามใช้ปนกับของท่านนะครับ)

9. ทำความสะอาด จาน แก้วน้ำ เชิงเทียน แท่นกำยาน ฯลฯ แล้วเก็บไว้ในที่เฉพาะ

......................................................................................................................................................................

การบูชาก็มีเพียงเท่านี้ ซึ่งเป็นการบูชาแบบกระชับ เลือกปฏิบัติแต่ละขั้นตอนตามความเหมาะสม
แต่ความจริงแล้วตามวิถีชาวฮินดูนั้น การสวดบูชาเทพจะมีรายละเอียดและขั้นตอนมากมายกว่านี้ครับ
ที่เราตัดทอนมานี้ก็เพื่อความสะดวกและเข้ากับยุคสมัยที่เร่งรีบ

ที่สำคัญให้ใส่ใจมากกว่า คือ ควรตั้งจิตให้เป็นสมาธิในขณะสวดบูชา และควรปฏิบัติให้ได้ทุกวัน จะเป็นสิริมงคลมากครับ
ท่านใดที่ไม่สามารถจัดหาเครื่องสังเวยต่างๆ ได้ติดต่อกันทุกๆวัน เช่น ขนม หรือผลไม้ ก็สามารถถวายน้ำเปล่าอย่างเดียวและจุดเทียนก็ได้ครับ องค์ท่านโปรดให้บูชาตามแต่กำลังทรัพย์และฐานะของผู้ศรัทธา (และตามแนวทางของเว็บไซต์สยามคเณศ ที่ไม่ส่งเสริมให้บูชาแบบฟุ่มเฟือย)

อาจจะเลือกถวายขนมกับผลไม้ให้หลากหลายสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือถวายของบูชาครั้งใหญ่ๆ ในวันที่ตรงกับวันเกิดของตน แต่หากท่านใดสามารถจัดหาของบูชาได้มากๆ มีขนมหลากหลาย ผลไม้มากอย่าง ได้เป็นประจำ ก็ย่อมเป็นการดีอยู่แล้วครับ

จะบูชาอย่างไรก็ตาม หลักสำคัญคือ ขณะสวดบูชาให้ตั้งสติให้แน่วแน่ สร้างบรรยากาศให้เกิดสมาธิ สวดมนต์ให้ถูกต้อง บูชาด้วยใจที่บริสุทธิ์ ไม่ขอพรด้วยความโลภ ไม่ขอพรที่มีการสาบแช่งผู้อื่น ไม่ขอพรด้วยความท้าทาย หากปฏิบัติขั้นตอนใดผิดพลาดก็ให้ขอขมา บารมีขององค์ท่านก็คุ้มครองเราได้เท่าๆกันครับ / เขียนโดย สยามเคณศ www.siamganesh.com

ขอขอบคุณ สยามคเณศ

guest

Post : 2011-03-26 00:30:46.0     Forum: สาระน่ารู้  >  พระประจำวันเกิด

พระประจำวันเกิด

ลักษณะพระพุทธรูป:

พระพุทธรูปปางนี้อยู่ในพระอริยาบถยืน ลืมพระเนตรทั้งสองข้างเพ่งไปข้างหน้าทอดพระเนตรดต้นศรีโพธิ์พฤกษ์ พระหัตถ์ทั้งสองลงมาประสานกันอยู่ข้างหน้าระหว่างพระเพลา พระหัตถ์ขาวทับพระหัตถ์ซ้าย อยู่ในอาการสังวร.

ประวัติย่อ:

เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้แล้วจึงประทับยับยั้งเสวยวิมุตติสุขอยู่ใต้ร่มโพธิ์เป็นเวลา๗ วันจากนั้นจึงเสด็จออกไปจากภายใต้ร่มโพธิ์ไปประทับยืนอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)ทอดพระเนตรต้นศรีมหาโพธิ์ โดยไม่กระพริบพระเนตรเป็นเวลา๗วันเพื่อรำลึกถึงคุณประโยชน์ของต้นมหาโพธิ์ที่แผ่กิ่งก้านประทานร่มเงาให้ความชุ่มเย็นเป็นการอำนวยช่วยพระองค์จนได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

คำทำนายคนเกิดวันอาทิตย์:

ผู้ใดเกิดวันอาทิตย์ผู้นั้นใจจิตจะพลันมักง่ายทําการเสมอตัว ดีชั่วใดๆทําคุณแก่ใครเหมือนไฟตกน้ำ จะมีผู้ใหญ่เป็นผู้อุปถัมภ์ เจรจาล้ำเลิศไม่มีความผิด น้ำใจซื่อตรง คงสัตย์ต่อมิตรรักง่ายใจจิต ไม่คิดเสียดาย ถ้อยความมาต้อง ถึงสองสามราย รายแล้วกลับกลายเป็นดีภายหลัง เมื่อน้อยไร้ทรัพย เมื่อเติบโตกลับมั่งคั่งบริบูรณ์ พร้อมพรั่งมีมาก แต่จากที่อยู่จิตใจนั้นใหญ่ จะมีความรู้เป็นที่สําคัญ.

บางตำราว่า.. ทําชอบได้ผิด ดังไฟตกน้ำดับหาย มักง่ายอาภัพจนตาย มีพงษ์วงศ์ร้ายมักให้เสื่อมสูญรัศมี ชื่อต่างเพิ่มพูน ความคิดเสียสูญ มักผิดด้วยเขาหลายครา จะจากที่อยู่สามท่าจึงได้สุขา ธาตุ หินนามครุฑโดยนัย

ดอกไม้ประจําวันเกิด:

สมัยโบราณเชื่อกันไว้ว่า ในแต่ละวันจะมีต้นไม้และดอกไม้ประจำวันซึ่งเชื่อกันว่าหากใครที่ปลูกต้นไม้หรือดอกไม้ประจำวันเกิด แล้วต้นไม้หรือดอกไม้เจริญเติบโตได้ดีชีวิตก็จะก้าวหน้าร่างกายแข็งแรงหรือถ้าออกดอกเบ่งบานเชื่อกันว่าจะมีความสุขความสมหวังเสมอตรงกันข้าม หากดอกไม้หรือต้นไม้เกิดเหี่ยวเฉาลงก็จะเป็นลางเตือนเจ้าของต้นไม้ ดอกไม้ได้เหมือนกัน.หากว่าเธอคนนั้นเกิดวัน...

เธอที่เกิดวันอาทิตย์ ต้นไม้ประจำวันเกิดเป็น ต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษาต้นธรรมรักษาและต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิดเป็นดอกกุหลาบสีส้มจะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์ ผู้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือลันเธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือดอกทานตะวันอันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่นหัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย

 

ของทำบุญประจำวันเกิด(ตักบาตรพระ):

อาหารคาว ประเภทไข่ ดาว เจียว ผัด ลูกเขย ลููกสะใภ้ ต้มแกงกะทิฯ
อาหารหวาน ไข่หวาน มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก้ว ขนมใส่กะทิ น้ํากระเจี๊ยบน้ํามะพร้าวน้ําขิงเงาะ
ของถวายพระ หลอดไฟ ไฟฉาย เทียน ธูป อุปกรณ์แสงสว่าง แว่นตา หมากพลู
ไหว้พระปางถวายเนตร (พระประจําวันเกิด) กําลังวันเท่ากับ๖ (สวดแบบย่อ อะ-วิช-สุนุส-สา-นุต-ติ) เติมน้ํามันตะเกียงตามวัด
ทําทาน กับคนตาบอด โรงพยาบาลโรคตา มูลนิธิคนตาบอด โรงพยาบาล โรคหัวใจ มูลนิธิโรคหัวใจ
พฤติกรรม ออกรับแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ช่วงเช้าหรือเย็นๆ เพื่อให้เกิดพลังอย่าใจร้อน เลิกทิฐิทําตัวเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

บทสวดมนต์ประจำวันเกิด:

อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโสตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสังตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง เย พราหะมะณา เวทะคุสัพพะธัมเม เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ นะมัตถุ พุทธานังนะมัตถุ โพธิยา นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร จะระติ เอสนา ฯ(ใช้ภาวนาวันละ ๖จบ ป้องกันตัวจะได้มีความสุขความเจริญปราศจากภัยอันตรายต่างๆถ้ามีพระพุทธรูปปางถวายเนตรไว้สักการะเป็นการดีแลฯ)

ลักษณะพระพุทธรูป:

พระพุทธรูปปางนี้นอยู่ในพระอริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองข้างยกขึ้นเสมอพระอุระ ตั้งฝ่าพระหัตถ์ ยื่นออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาทรงห้าม เป็นแบบทรงเครื่องก็มี

ประวัติย่อ:

ณ พระนครกบิลพัสดุ์ อันเป็นแว่นแคว้นที่ประทับของเจ้าศากยะซึ่งเป็นพระญาติข้างกับพระนครเทวทหะอันเป็นแว่นแคว้นที่ประทับอยู่ของเจ้าโกลิยะ ซึ่งเป็นพระญาติข้างฝ่ายพระพุทธมารดา ทั้งสองพระนครนี้ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโรหิณี ชาวนาของ๒พระนครนอาศัยน้ำในแม่น้ำโรหิณีนี้ ทำนาร่วมกันมาโดยปกติสุข ต่อมาสมัยหนึ่งฝนแล้งน้ำน้อย น้ำในแม่น้ำโรหิณีเหลือน้อยชาวนาทั้งหมดต้องกั้นทำนบทดน้ำในแม่น้ำโรหิณีขึ้นมาทำนา แม้ดังนั้นแล้วน้ำก็ยังไม่พอเป็นเหตุให้มีการแย่งน้ำกันทำนาขึ้นขั้นแรกก็เป็นการวิวาทกันเฉพาะเพียงบุคคลต่อบุคคล แต่เมื่อไม่มีการระงับด้วยสันติวิธี การวิวาทนั้นก็ลุกลามมากขึ้นจนถึงคุมสมัครพรรคพวกเข้าไปประหารกันและด่าว่ากระทบถึงชาติ โคตรและลามปามไปถึงราชวงศ์ ในที่สุดกษัตริย์ผู้เป็นพระญาติของพระพุทธเจ้าทั้งสองเมือง ก็ยกกำลังพลเข้าประชิดกันเพื่อแย่งน้ำ โดยหลงเชื่อคำยุยงพูดเท็จของอำมาตย์ที่กำลังเคียดแค้น มิทันได้ทรงวินิจฉัยให้ถ่องแท้แน่นอนว่า เมื่อเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นเกิดขึ้นควรจะระงับด้วยสันติวิธี พระพุทธเจ้าทรงทราบก็ทรงพระมหากรุณาเสด็จมาห้ามสงครามการแย่งน้ำระหว่างพระญาติทั้งสองฝ่าย โดยทรงแสดงโทษคือความพินาศย่อยยับของชีวิตมนุษย์โดยเหตุอันไม่สมควร ที่พระราชาจะต้องมาล้มตายทำลายเกียรติของตน เพียงเพราะแย่งน้ำกันทำนาเพียงเล็กน้อยครั้นแล้วพระญาติทั้งสองฝ่ายก็ทำความเข้าใจกันได้และหันมาสามัคคีกันพระพุทธจริยาที่ทรงโปรดพระญาติ เพื่อห้ามมิให้ทะเลาะวิวาท สู้รบกันเพราะเหตุแห่งการแย่งน้ำนี้เป็นมงคลแสดงอนุภาพแห่งธรรมที่พระองค์ทรงแสดง พุทธศาสนิกชนผู้หนักในธรรมคำสอนเล็งเห็นคุณอัศจรรย์แห่งอนุสาสนีปาฎิหาริย์จึงถือเป็นเหตุในการสร้างพระพุทธรูปขึ้น เรียกว่าปางห้ามญาติบ้าง ปางห้ามสมุทรบ้าง.คำทำนายคนเกิดวันจันทร์:

คำทำนายคนเกิดวันจันทร์:

ผู้ใดเกิดวันจันทร์ เกณฑ์ชาตาผู้นั้น ทายว่าไร้วงศา อันจะพึ่งญาติ มิได้สักครา เขากลับพึ่งพา ดีเนื้อดีใจถ้าแม้นผู้อื่นยั่งยืนหมายไว้ติดเนื้อต้องใจ เอาเป็นพี่น้อง ไม่เกรงกลัวใคร น้ำใจจองหอง โอหังคะนองพบเพื่อนสูงศักดิ์ ปากอ่อนใจแข็งโกรธร้ายแรงนัก พ่อแม่ที่รักไม่อยู่เลี้ยงกัน มักมีตําหนิ เป็นแผลสําคัญถ้ามิฉะนั้น ทายว่าถูกไฟ จะต้องลําบาก ได้ยากเจ็บไข้ โทษทัณฑ์โภยภัยเพราะท่านผู้อื่น ตกยากเมื่อหน้า ภายหลังคงคืน ครอบครองยั่งยืนสุดสิ้นชนมานย์.

บางตำราว่า.. ไว้มีแผลถูกไฟ เป็นไฝสําคัญในกายา จะขึ้งจะโกรธปากกล้ามานะทะท้า ใจมักโอบอ้อมฉุยฉาย เจ็บสองครั้งปางตายว่าจะเป็นหม้าย ขวนขวายทํามาหากิน ได้เพื่อนฝูงเขามักสับใช้ พึ่งญาติไม่ได้พี่น้องไม่เลี้ยงกัน ถ้าผู้ใหญ่ได้ยาก อาธรรม์ สองครั้งผายผันธาตุไม้พร้อมนามเตโช.

ดอกไม้ประจําวันเกิด:

เธอที่เกิดวันจันทร์ ..ต้นไม้ ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอมเธอจะยิ่งโชคดีดอกไม้ประจำวันเกิดคือดอกมะลิขาวสะอาดหมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยนเรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชนิดคือดอกกุหลาบขาวหมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน.

 

ของทำบุญประจำวันเกิด(ตักบาตรพระ):

อาหารคาว ประเภทสัตว์ปีก สัตว์น้ําเช่นไก่ผัดขิงไก่ย่างไก่ทอด ปูผัดผงกะหรี่ปูนึ่งข้าวมันไก่ข้าวผัดปูเต้าหู้ทอดแกงจืดเต้าหู้ แกงเผ็ดเป็ดย่าง
ปลาสลิดทอด
อาหารหวาน น้ําเต้าหู้นมถั่วเหลืองน้ําอ้อยโดนัท นมสด นมกล่อง เผือก มัน ลางสาด ขนมเปี๊ยะ
ของถวายพระ แก้วน้ำแจกัน ของโปร่งๆใส ๆ
ไหว้พระปางห้ามญาติ (พระประจําวันเกิด) กําลังวันเท่ากับ๑๕ (สวดแบบย่อ อิระ-ชา-คะ-ตะ-ระ-สา)
ทําทาน กับมูลนิธิช่วยเหลือสตรี
พฤติกรรม ทําจิตใจให้สดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ อย่าวิตกกังวลเกินเหตุให้ความช่วยเหลือสตรีเช่นลุกให้สตรีนั่งบนรถเมล์บริหารกล้ามเนื้อหน้าอกให้แข็งแรง.

บทสวดมนต์ประจำวันเกิด:

ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโหทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ วินาสเมนตุ ฯยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโหทุสสุปินัง อะกันตัง ธัมมานุภาเวนะ วินาสเมนตุ ฯยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโหทุสสุปินัง อะกันตัง สังฆานุภาเวนะ วินาสเมนตุ ฯ(คาถาสำหรับผู้เกิดวันจันทร์ภาวนาวันละ ๑๕จบจะได้มีความสุขสิ้นกาลนานและนอนเป็นสุขไม่ฝันเห็นสิ่งชั่วร้ายท่านควรมีพระพุทธรูปปางห้ามห้ามญาติไว้สักการะบูชาด้วย ยิ่งดีแลฯ)

ลักษณะพระพุทธรูป:

พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถบรรทมตะแคงขวา เมื่อคราวจะปรินิพพาน หลับพระเนตรพระเศียรหนุนพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทอดทายไปตามพระวรกาย เบื้องซ้าย พระหัตถ์ขวาหงายวางอยู่ที่พื้นข้างพระวรกาย พระบาทซ้าย ทับพระบาทขวาลักษณะตั้งซ้อนกัน

ประวัติย่อ:

พระพุทธเจ้าครั้นโปรดสุภัททปริพาชกให้บรรพชาอุปสมบทและให้สำเร็จเป็นพระอริยเจ้าเป็นปัจฉิมสาวกแล้ว ต่อมาพระอานนท์จึงได้ทูลถามพระองค์ว่า พระฉันนะถือตัวว่าเป็นข้าเก่าติดตามพระองค์คราวเสด็จออกบวชเป็นคนว่ายาก สอนยากแม้จะกรุณาเตือนแล้วก็ตาม เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้วยิ่งจะว่ายากขึ้นไปอีกหาผู้ยำเกรงมิได้ ข้าพระองค์จะพึงปฏิบัติต่อพระฉันนะนั้นอย่างไร พระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งให้สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะคือไม่พึงว่ากล่าวไม่พึงโอวาทไม่พึงสั่งสอนเมื่อถูกพรหมทัณฑ์แล้วจะสำนึกผิดเองครั้นแล้วพระพุทธเจ้าได้ตรัสปัจฉิมโมวาท เตือนว่าภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาเธอทั้งหลายจงทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ด้วย ความไม่ประมาทเถิดครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ในลำดับแห่งการพิจารณาองค์แห่งจตุถฌาน ก็บังเกิดมหัศจรรย์แผ่นดินใหญ่ไหวสะเทือนสะท้านเกิดการโลมชาติ ชูชันขันพองสยองเกล้า กลองทิพย์ก็บันลือลั่นในอากาศพร้อมกับการปรินิพพานของพระพุทธเจ้าบรรดาพุทธบริษัททั้งหลายพากันเศร้าโศกร่ำไห้คร่ำครวญถึงพระองค์ พระอานนท์และพระอนุรุทธเถระได้แสดงธรรมเพื่อปลอบโยนมหาชน พุทธศาสนิกชนเมื่อรำลึกถึงการเสด็จปรินิพพานของพระองค์ จึงได้สร้างพระพุทธรูปปางนี้ขึ้น เพื่อบูชาพระพุทธองค์

คำทำนายคนเกิดวันอังคาร:

ผู้ใดเกิดวันอังคาร จิตใจกล้าหาญ ทายว่ารกพันคอ โกรธเร็วดังไฟ ใจไม่ย่อท้อ ได้พึ่งแม่พ่อ เป็นที่มั่นคง พี่น้องวงศา ไม่น่าซื่อตรงทําให้ไหลหลง จนได้รําคาญ แต่มีปัญญา เจรจาอ่อนหวาน ไม่เกียจไม่คร้าน ต่อนานจึงจะดี ชาตาอาภัพ เกิดกับที่นี่ต้องย้ายจึงจะดี ไปอยู่ที่อื่นได้ดีสองครั้ง มั่งคั่ง มั่งคั่งยั่งยืนแล้วกลับโหดหืน ได้ยากสองหน จะต้องร้อนใจ เพราะภัยประจัญ เครือญาติของตนทําเดือดร้อนใจ ต่อแก่ชรา สุดสิ้นโรคภัย ได้ทรัพย์ที่สุดบางตำราว่า..

บางตำราว่า.. รกพันกัณโฐ มโนบ่มีที่ยั่งยืน เมื่อโกรธมีความฝ่าฝืน มีปรีชาชื่น อุตสาหะมานะทนทาน เจรจาอ่อนหวานเล่ห์กล มีที่ฝากตนเป็นผลยาวยืนได้เห็น มักทุกข์ด้วยญาติขุกเข็ญ ทุกข์อันหนึ่งเป็น ด้วยไร่นาของตนเอง ได้ดีสี่คราครื่นเครง ครั้งหนึ่งยากเอง ธาตุเหล็ก

ดอกไม้ประจําวันเกิด:

เธอที่เกิดวันอังคาร..ต้นไม้ ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุขดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพูเพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้

 

ของทำบุญประจำวันเกิด(ตักบาตรพระ):

อาหารคาว อาหารประเภทเส้น ขนมจีน วุ้นเส้นบะหมี่ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวปลาช่อนตากแห้งทอด
อาหารหวาน ฝอยทอง สลิ่มลอดช่อง ทุเรียนระกํา ขนุน น้ําสไปร์ทน้ำอัดลม
ของถวายพระ เหล็ก เส้น เครื่องมือประเภทเหล็ก กรรไกร แปรงสีฟัน ยาสีฟัน พัดลม กรรไกรตัดเล็บ
ไหว้พระปางไสยาสน์(พระนอน พระประจําวันเกิด) มีกําลังเท่ากับ๘ (สวดแบบย่อ ติหัง-จะ-โต-โร-ถิ-นัง)
ทําทาน กับคนพิการทางปาก ปากแหว่ง ผู้ป๋วยโรคลมชัก
พฤติกรรม ทําตัวให้กระฉับกระเฉงตื่นตัวขยันให้มากขึ้นลดอารมณ์ร้อน การชิงดีชิงเด่น.

บทสวดมนต์ประจำวันเกิด:

ยัสสานุภาวะโต ยักขา เนวะ ทัสเสนติ ภิงสะนัง ยัมหิเจวานุยุญชันโต รัตตินทิวะมะตันทิโต สุขัง สุปะติสุตโต จะ ปาปัง กิญจิ นะ ปัสสะติ เอวะมาทิคุณูเปตัง ปะริตตันตัมภะณามะ เส ฯ(เป็นคาถาสำหรับผู้เกิดวันอังคารภาวนาวันละ ๘ จบ จะได้มีความเกษมสุขปราศจากภูตผีปีศาจเบียดเบียน นอนป่านอนดงอย่าลืมภาวนาคาถาบทนี้ และควรมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ไว้บูชาด้วย ยิ่งดีแลฯ)

ลักษณะพระพุทธรูป:

พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถยืน ส้นพระบาททั้งสองชิดติดกัน พระหัตถ์ทั้งสองข้างชิดกันพระหัตถ์ทั้งสองยกประคองบาตรราวสะเอว มีบาตรอยู่ฝ่าพระหัตถ์ในท่าประคอง

ประวัติย่อ:

ประวัติที่เป็นเรื่องราวนั้นสืบเนื่องต่อมาจากพระพุทธรูปปางแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ กล่าวคือเมื่อพระบรมศาสดาเสด็จไปยังพระนครกบิลพัสดุ์ ครั้งแรกทรงทำอิทธิปาฎิหาริย์ เหาะขึ้นไปบนอากาศ ทรมานให้พระประยุรญาติได้ถวายบังคมแล้วเสด็จลงมาประทับนั่ง บนพระบวรพุทธอาสน์ ยังฝนโบกขรพรรษ์ให้ตกลงในท่ามกลางสมาคมพระญาติ แล้วทรงประกาศมหาเวสสันดรชาดกยกขึ้นเป็นเทศนาครั้นพระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาจบแล้ว บรรดาพระญาติทั้งหลาย มีพระเจ้าสุทโธทนะพระพุทธบิดาเป็นประธาน ก็ได้เบิกบานปีติปาโมทย์ เปิดพระโอษฐ์แซ่ซ้องสาธุการแล้ว พระญาติทั้งหลายก็กราบทูลลาคืนยังพระราชสถานแห่งตน มิได้มีพระญาติสักองค์หนึ่ง ได้กราบทูลอาราธนาให้ทรงรับอาหารบิณฑบาตรในยามเช้าพรุ่งนี้ แม้แต่พระเจ้าสุทโธทนะ ก็เพียงแต่ทูลลามิได้ทูลอาราธนาเสวยพระกระยาหารเช้า เช่นกัน ด้วยทรงนึกไม่ถึงว่าธรรมดาพระจะต้องอาราธนาจึงจะได้มารับบิณฑบาตรในบ้านซึ่งเป็นปกติของสามัญชนธรรมดาทั่วไป พระเจ้าสุทโธทนะพระพุทธบิดาทรงรู้สึกอย่างเป็นพระญาติที่สนิทว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระโอรส พระสงฆ์สาวกเหล่านั้นก็เป็นศิษย์ของพระโอรสแล้วพระโอรสจะเสด็จไปไหนเสีย เมื่อไม่มายังพระราชนิเวศน์ของพระองค์ จึงไม่จำเป็นต้องทูลอาราธนาพระเจ้าสุทโธทนะทรงแน่พระทัยเป็นอย่างยิ่งว่าพระบรมศาสดาจะต้องพาพระสาวกทั้งหลายมาเสวยพระกระยาหารในพระราชนิเวศน์ของพระองค์แน่นอนจึงไม่ทรงทูลอาราธนายิ่งไปกว่านั้นยังกลับเห็นว่า หากออกพระกระแสรับสั่งอาราธนาก็จะกลายเป็นว่าพระบรมศาสดาเป็นคนอื่นมิใช่พระโอรส ครั้นพระเจ้าสุทโธทนะเสด็จถึงพระราชนิเวศน์ จึงโปรดให้พนักงานจัดแจงตกแต่งอาหาร อันประณีตเป็นพิเศษไว้พร้อมมูล เพื่อถวายพระบรมศาสดาและพระภิกษุสงฆ์สาวกทั้งมวลในวันพรุ่งนี้ตลอดเวลาเย็นถึงเวลารุ่งเช้า เมื่อไม่ปรากฏว่ามีใครมาอาราธนาพระบรมศาสดาไปเสวยที่ใดแล้ว พระองค์ก็ทรงพิจารณาว่า พระพุทธเจ้าในปางก่อน เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระนครของพระพุทธบิดาแล้ว ทรงปฎิบัติอย่างไรก็ทรงทราบด้วยพระญาณว่า พระพุทธเจ้าในปางก่อนได้เสด็จไปบิณฑบาตรตามลำดับตรอก ครั้นพระพุทธองค์ทรงทราบอย่างนี้แล้ว จึงทรงถือเอาบาตรและจีวรพาภิกษุสงฆ์ เสด็จพระดำเนินไปตามท้องถนนหลวงปรากฏแก่ประชาราษฏร์ ต่างได้มีโอกาสชมพระบารมี และมีความปีตียินดีประณมหัตถ์นมัสการ นับเป็นครั้งแรกที่ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ได้เห็น พระบรมศาสดาทรงอุ้มบาตร เสด็จพระพุทธลีลาโปรดประชาสัตว์ เป็นการเพิ่มพูนความปีติ โสมนัส พระพุทธจริยาตอนนี้เป็นเหตุให้พุทธบริษัทสร้างพระพุทธรูป เรียกว่า ปางอุ้มบาตร

ลักษณะพระพุทธรูป:

พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถประทับนั่งบนก้อนศิลา ห้อยพระบาททั้งสองข้างลง ทอดพระบาทเล็กน้อย พระหัตถ์ซ้ายคว่ำวางบนพระชานุซ้าย พระหัตถ์ขวาหงายวางบนพระชานุขวาเป็นกิริยาทรงรับมีช้างหมอบถือน้ำยื่นถวาย และมีลิงหมอบถือรวงผึ้งถวายอยู่ข้างหน้า

ประวัติย่อ:

ณ เมืองโกสัมพีมีพระภิกษุ ๒ฝ่ายอยู่ในวิหารเดียวกันคือฝ่ายพระวินัยธร ที่ถือเคร่งครัดทางพระวินัย และฝ่ายพระธรรมธร ที่ถือการแสดงธรรมเป็นใหญ่ แต่ละฝ่ายก็มีลูกศิษย์เป็นบริวารมากมายวันหนึ่งพระธรรมธรได้เข้าไปในห้องน้ำ ใช้น้ำแล้วเหลือไว้นิดหนึ่ง เมื่อพระวินัยธรเข้าไปเจอน้ำเหลือไว้จึงได้ตำหนิพระธรรมธร ตัวพระธรรมธรเองก็ได้ยอมรับผิดต่อพฤติกรรมนั้น แต่พระวินัยกลับนำเรื่องเพียงเล็กน้อยนี้เป็นพูดกับอันเตวาสิกของตนว่า พระธรรมธรขนาดทำผิดแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก ต่อมาอันเดวาสิกของพระธรรมธรก็ได้พูดถากถาง ทำนองเดียวกันกับอันเดวาสิกของพระธรรมธร ว่าอาจารย์ของพวกท่านทำผิดแล้วยังไม่รู้อีก น่าละอายนัก ฝ่ายลูกศิษย์ก็นำเรื่องนี้ไป ปรึกษากับพระธรรมธร พระธรรมธรได้ฟังดังนั้น จึงพูดว่าทำไมพระวินัยธรจึงพูดอย่างนี้ เราทำผิดกฎก็ยอมรับผิดและแสดงอาบัติไปแล้ว ไฉนจึงพูดกลับกลอกเช่นนี้เล่าจึงพูดกับอันเตวาสิกว่า พระวินัยธรพูดเท็จและทั้งสองฝ่ายก็ได้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน เพราะเหตุเพียงเล็กน้อยเอง เมื่อไม่สามารถจะระงับกันได้พระพุทธเจ้าได้แสดงเหตุของการแตกแยก และคุณของความสามัคคี แต่ก็หาเชื่อต่อพระพุทธเจ้าไม่ซ้ำยังแสดงคำพูดที่ไม่เหมาะสมว่า ขอให้พระพุทธเจ้าอยู่เฉยอย่ามายุ่ง พระพุทธองค์เห็นว่าไม่สามารถจะระงับได้ จึงส่งพระโมคคัลลานะ ไปช่วยระงับ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ทำให้พระพุทธองค์เกิดความเบื่อหน่ายระอาใจต่อเหตุการณ์นี้เป็นอย่างยิ่งแม้ชาวบ้านเองก็แตกเป็น ๒ฝ่ายตามพระที่ตนเองนับถือ ส่วนพุทธศาสนิกชนที่มีศีลก็ระอาพากันคว่ำบาตร ไม่ให้การบำรุงพระสงฆ์เหล่านั้นเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่งฝ่ายพระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จไปอยู่ ณ ป่าได้มีช้างปาริไลยกะและลิงคอยทำการอุปัฏฐาก มีความพระเกษมสำราญในการอยู่คนเดียว จากเหตุการณ์นี้ ถือว่าเป็นเหตุการณ์อันน่าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงพฤติกรรมของพระ ๒ ฝ่ายในขณะนั้นไม่เชื่อฟังแม้กระทั้งพระพุทธเจ้า พุทธศาสนิกชนจึงได้สร้างพระปางนี้ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจถึงการแตกสามัคคี การทะเลาะวิวาทกัน.

คำทำนายคนเกิดวันพุธ:

ผู้ใดเกิดวันพุธใจดีที่สุด ทั้งหญิงทั้งชาย แต่ไร้วงศา ญาติกาทั้งหลาย ใจพลันมักง่าย ไม่คิดหน้าคิดหลังมักเอาที่อื่นเป็นที่พึ่งพา ทรัพย์สินนานาทำใส่ตัวเอง ถ้าเป็นสมณะ คนระยำเกรง คฤหัสถ์โฉงเฉง โก้งเก้งฉกลัก ใจชอบนักเลง ผู้หญิงมักรัก พบเพื่อนต่ำศักดิ์ มักจะได้ร้อนรน ตกยากหลายครั้งได้ดีหลายหน พ่อแม่แห่งตนมิได้ปฏิบัติคน

บางตำราว่า.. ผู้ใดเกิดวัน ๔ คือวันพุธ พุธเป็นบริวาร มีเมียย่อมเอาทรัพย์มาสู่ตน ๗ เสาร์เป็นอายุ มีอายุน้อย มักเป็นพยาธิ ๕ พฤหัสบดีเป็นเดชมีเดชดังพระโพธิสัตว์ ๗ ราหูเป็นศรี มีทรัพย์น้อย ๖ เป็นมูลละ มีความเพียรมาก ๑ อาทิตย์เป็นอุตสาหะ ใจร้าย รูปเป็นมัชฌิมา๒ จันทร์เป็นมนตรีมีลูกเมียข้าไท มักเอาทรัพย์มาสู่เรือน ๓ อังคารเป็นกาลกิณี อาภัพมิตรสหาย ทำคุณคนไม่ขึ้น

ดอกไม้ประจําวันเกิด:

เธอที่เกิดวันพุธ..ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตรดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรัก สันติภาพดอกไม้ประจำวันเกิดคือ คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน.

 

ของทำบุญประจำวันเกิด(ตักบาตรพระ):

วันพุธ (กลางวัน)
อาหารคาว เน้นสีเขียว หมู แกงเขียวหวานหมู หมูปิ้ง หมูทอด ผัดพริกหมูฯ คะน้าน้ำมันหอย กุนเชียง
อาหารหวาน ขนมเปียกปูนเขียว น้ำฝรั่ง ชมพู่เขียว องุ่นเขียว มะม่วงเขียวเสวย ฝรั่ง ชามะนาว
ของถวายพระ สมุด กระดาษ ปากกา ดินสอ อุปกรณ์การเรียนการศึกษา
ไหว้พระปางอุ้มบาตร (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ ๑๗ (สวดแบบย่อปิ-สัม-ระ-โล-ปุ-สัต-พุท)
ทำทาน กับคนพิการทางหู โรงพยาบาลโรคสมอง โรงเรียนสอนคนหูหนวก
วันพุธ(กลางคืน)
อาหารคาว ของหมักดอง ผักกาดดองผัดไข่ อาหารกระป๋อง แกงใบยอ หมูยอ แหนม ไข่เยี่ยวม้า ห่อหมก
อาหารหวาน ข้าวหมาก ขนมเปียกปูนดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลไม้หัวโตๆ ทุเรียน
ของถวายพระ พัดลม เทปธรรมะ ยาแก้โรคลม ยาหอม
ไหว้พระปางป่าเลไลย์(พระประจำวันเกิด)มีกำลังเท่ากับ๑๒(สวดแบบย่อ-คะ-พุท-ปัน-ทู-ธัม-วะ-คะ)
ทำทาน กับมูลนิธิหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับยาเสพติด
พฤติกรรม เลิกบุหรี่ เลิกดื่มหรือลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เลิกการพนัน เลิกทำตัวเหลวไหล เลิกเที่ยวกลางคืน เลิกยาเสพติดทุกชนิด

บทสวดมนต์ประจำวันเกิด:(วันพุทธกลางวัน)

สัพพาสีวะชาตีนัง ทิพพะมันตาทะคัง วิยะ ยันนาเสติ วิสังโฆรัง เสสัญจาปิ ปะริสสะยังอาณักเขตตัมหิ สัพพัตถะ สัพพะทา สัพพะปาณิณัง สัพพะโสปิ นิวาเรติ ปะริตตันตัมภะณามะเส ฯ(เป็นคาถาสำหรับคนเกิดวันพุธ ใช้สวดภาวนาประจำวันให้ได้วันละ ๑๗จบจะได้มีความสุขมีลาภร่ำรวย ควรมีพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรไว้บูชาดียิ่งแลฯ)

บทสวดมนต์ประจำวันเกิด:พุธกลางคืน..(พระราหู)

กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ สุริยัง ปะมุญจะสิ สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะติฏฐะสีติ.สัตตะธา เมผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ พุทธะคาถาภิคีโตมะหิ โนเจ มุยเจยยะ สุริยันติ.กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ จันทัง ปะมุญจะสิ สังวิคะรูโป อาคัมมะ กินนุภีโต วะติฏฐะสีติ.สัตตะธา เมผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ พุทธะคาถาภิคีโตมะหิ โนเจ มุยเจยยะ จันทิมันติ.(ใช้ ภาวนาก่อนเข้านอนเป็นการสะเดาะเคราะห์ร้ายเมื่อมีโหรทำนายว่ามีพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกพระคาถานี้ขอเรียนว่าแม้แต่ท่านที่ไม่ได้เกิดวันดังกล่าวจะใช้คาถานี้ภาวนาก่อนเข้านอนท่านว่าก็สามารถป้องกันภัยอันตรายที่บังเกิดแก่ตนและครอบครัวได้โดยเฉพาะท่านที่เกิดวันนี้ควรมีพระพุพุทธรูปปางป่าเลไลย์เพื่อทำการสักการะบูชาและภาวนาพระคาถานี้วันละ๑๒จบหากใครถือมั่นยึดมั่นจะเกิดลาภยศสรรเสริญสุขปฏิภานธนสารสมบัติกว่าคนทั้งมวลศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนักแล ฯ).

ลักษณะพระพุทธรูป:

พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ทั้งสองหงายวางซ้อนกันบนพระเพลา คือพระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระชงฆ์ขาวทับพระชงฆ์ซ้าย

ประวัติย่อ:

เมื่อพระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ ทรงกำจัดพญามาร และเสนามารให้ปราชัยด้วยพระบารมี ตั้งแต่เวลาสายัณห์มิทันพระอาทิตย์จะอัสดง ก็ทรงเบิกบานพระทัยได้ปีติเป็นกำลังภายในสนับสนุนเพิ่มพูนแรงปฎิบัติภาวนาให้ยิ่งขึ้น ดังนั้นพระองค์จึงมิได้ทรงพักให้เสียเวลาทรงเจริญสมาธิภาวนาทำจิตใจให้ปราศ จากอุปกิเลสจนจิตสุขุมเข้าโดยลำดับ ไม่ช้าก็ได้บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน อันเป็นส่วนรูปสมบัติตามลำดับ ต่อจากนั้น ก็ทรงเจริญญานอันเป็นองค์ปัญญาชั้นสูง ๓ประการยังองค์พระโพธิญาณให้เกิดขึ้นเป็นลำดับ ตามลำดับแห่งยามสามอันเป็นส่วนราตรีนั้นคือในปฐมยามทรงบรรลุปุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกอดีตชาติที่พระองค์ ทรงบังเกิดมาแล้วทั้งสิ้นได้ในมัชฌิมยามทรงบรรลุจตูปปาตญาณหรือทิพจักขุญาณสามารถหยั่งรู้การเกิดการตาย ตลอดจนการจุติและปฎิสนธิของสัตว์ทั้งหลายได้หมด ในปัจฌิมยาม ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ ทรงพระปรีชาสามารถทำอาสวะกิเลส ทั้งหลายให้หมดสิ้นไป ด้วยปัญญาพิจารณาในปัจจยาการแห่งปฏิจจสมุปบาท โดยอนุโลมและปฏิโลมทั้งฝ่ายเกิดและฝ่ายดับ สาวไปข้างหน้าและสาวกลับไปมาแล้ว ทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเวลาปัจจุสสมัยรุ่งอรุโณทัยทรงเบิกบานพระหฤทัยอย่างสูงสุดในการตรัสรู้อย่างไม่เคยมีมาก่อนถึงกับทรงเปล่งอุทานเย้ยตัณหา อันเป็นตัวการก่อให้เกิดสงสารวัฏฏทุกข์แก่พระองค์หลายเอนกชาติว่า"นับแต่ตถาคตท่องเที่ยวสืบเสาะหานายช่างเรือนคือตัณหาตลอดชาติ อัน จะนับประมาณมิได้ ก็มิได้พบท่านเลยนับแต่นี้ไปท่านจะทำเรือนให้ตถาคตไม่ได้อีกแล้วกลอนเรือน เราก็ได้รื้อเสียแล้วช่อฟ้าเราก็ทำลายแล้วจิตของเราปราศจากสังขารเครื่องปรุงแต่งมีกิเลสไปปราศแล้วเราถึงความดับสิ้นไปแห่งตัณหาแล้ว"ในขณะนั้นมหาอัศจรรย์ก็บังเกิดมีขึ้น กล่าวคือ พื้นมหาปฐพีอันกว้างใหญ่ก็หวั่นไหวพฤกษาชาติทั้งหลายก็ผลิตดอกออกช่องามตระการตาเทพเจ้าทุกข์ชั้นฟ้าก็แซ่ซ้องสาธุการโปรยปรายบุปผามาลัยทำสักการะบูชาเปล่งวาจาว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลกด้วยปีติยินดีเป็นเหตุอัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมาก่อนเรื่องนี้จึงเป็นมูลเหตุให้มีการสร้างพระพุทธรูปปางตรัสรู้เพื่อเป็นพุทธานุสสติ ฉะนี้แล.

คำทำนายคนเกิดวันพฤหัสบดี:

ผู้ใดเกิดวันพฤหัสบดีอาจารย์บัญญัติว่ารูปงามใจดี แต่ว่าอาภัพ เกิดกับที่นี่ต้องย้ายจากที่ไปอยู่แห่งอื่น เมื่อน้อยไร้ทรัพย์ ใหญ่กลับคงคืน เจรจายั่งยืนคนมักพอใจ ครองทรัพย์คงที่ ไม่มีโภยภัย คนที่อาศัย มักชอบใจตน ทำการใจเย็น ไม่เห็นร้อนรน แต่ทำคุณคน ไม่เป็นประโยชน์ ทำคุณแก่เขาเขากลับให้โทษ ไม่เป็นประโยชน์ จำไว้อย่าคลา มากชู้หลายเมีย ได้เสียไม่ว่ามักได้ทุกขา เพราะเพื่อนฝูงตน ครองศีลครองศักดิ์ เพื่อนฝูงที่รักพร้อมพรักเป็นสุข

บางตำราว่า.. ผู้ใดเกิดวัน ๕ คือวันพฤหัสบดี พฤหัสบดีเป็นบริวาร ย่อมประกอบด้วยวิชาการงานทุกสิ่งอัน ๘ ราหูเป็นอายุว่าผู้นั้นมีอายุน้อยมักเกิดพยาธิโรคามาก ๖ ศุกร์เป็นเดชมีเดชดี ๑ อาทิตย์เป็นศรี มีทรัพย์ไม่มาก ๒ จันทร์เป็นมูลละ มีลูกเมียมากแต่มิสู้ยั่งยืน ๓ อังคารเป็นอุตสาหะผู้นั้นมัก ฉลาด ๔ พุธเป็นมนตรี มีเมียไม่ซื่อตรง ทำตัวมีใจออกห่าง ๗ เสาร์เป็นกาลกิณีร้ายนัก ทำคุณคนมักกลับให้โทษ

ดอกไม้ประจําวันเกิด:

เธอที่เกิดวันนี้ มีต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรีหาก มีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักงายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพูหมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและ อ่อนหวานเธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขันน่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ

 

ของทำบุญประจำวันเกิด(ตักบาตรพระ):

อาหารคาว ประเภทเถา แกงเลียง บวบผัดไข่ น้ำเต้า
อาหารหวาน แตงโม แตงไทย น้ำสมุนไพร ส้ม สาลี่ น้ำมะตูม น้ำว่านหางจระเข้
ของถวายพระ สบง จีวร หนังสือธรรมะ ตู้ยา โต๊ะหมู่บูชา
ไหว้พระปางสมาธิ (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 19 (สวดแบบย่อ ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ)
ทำทาน โรงพยาบาลสงฆ์ บริจาคข้าวสาร เสื้อผ้า ผ้าห่มกันหนาว
พฤติกรรม นั่งสมาธิ สวดมนต์ ถือศีล5 อย่าซื่อจนเกินไป

บทสวดมนต์ประจำวันเกิด:

ปูเรนตัมโพธิสัมภาเร นิพพัตตัง วัฏฏะชาติยัง ยัสสะ เตเชนะ ทาวัคคิมหาสัตตัง วิวัชชะยิ เถรัสสะ สารีปุตตัสสะ โลกะนาเถนะ ภาสิตัง กัปปัฏฐายิ มหาเตชัง ปะริตตันตังภะณามะ เห.(เป็น คาถาสำหรับผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีใช้สวดภาวนาวันละ ๑๙จบจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้น พระพุทธรูปที่ท่านควรมีไว้ประจำตัวคือ พระพุทธรูปปางสมาธิหรือปางตรัสรู้ เพื่อทำสักการะบูชาหรือนำติดตัวไปไหนๆได้สะดวกแลฯ

ลักษณะพระพุทธรูป:

พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองประสานยกขึ้นประทับที่พระอุระ พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระบาททั้งสองประทับยืนชิดติดกัน

ประวัติย่อ:

เมื่อตปุสสะและภัลลิกะ ๒พาณิชกราบทูลลาไปแล้วพระพุทธองค์เสด็จกลับจากร่มไม้ราชายตนะไปประทับเสวยวิมุตติสุข ณ ร่มไม้อชลปาลนิโครธอีกครั้งหนึ่ง และทรงรำพึงถึงธรรม ที่พระองค์ได้ตรัสรู้แล้วนั้นว่าเป็นธรรมประณีตละเอียดสุขุมคัมภีรภาพ ยากที่บุคคลจะรู้ได้ทำให้ท้อแท้พระทัยถึงกับทรงดำริจะไม่แสดงธรรมแก่มหาชน ครั้งนั้น ท้าวสหัมบดีพรหม ทราบวาระจิตของพระพุทธองค์จึงร้องประกาศชวนเทพยดาทั้งหลายพากันไปเฝ้าพระพุทธองค์ยังที่ประทับ ฯ ควงไม้อชปาลนิโครธถวายอภิวาทแล้วกราบ ทูลอาราธนาพระพุทธองค์ ขอให้ทรงแสดงธรรมโปรดประชาชนเพื่อบุคคลผู้มีธุลีในนัยน์ตาน้อยทั้งมีอุปนิสสัยอันจะเป็นพุทธสาวกจะได้ตรัสรู้ธรรมบ้าง พระพุทธองค์ทรงรำพึงถึงธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าทั้งหลายแต่ปางก่อนว่าได้ตรัสรู้แล้วย่อมทรงแสดงธรรมโปรดประชาชนทั้งหลายประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้แผ่ไพศาลเพื่อประโยชน์สุขแก่ปัจฉิมชนผู้เกิดมาภายหลัง แล้วจึงเสด็จปรินิพพาน จึงได้น้อมพระทัยไปในอันแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ในโลกแล้วพระพุทธองค์ ทรงพิจารณาอีกว่า จะมีผู้รู้ถึงธรรมนั้นบ้างหรือไม่ ก็ทรงทราบถึงอุปนิสัยของบุคคลทั้งหลายในโลกนี้ย่อมมีต่างๆ กัน คือ ทั้งประณีต ปานกลางและหยาบ ที่มีนิสัยดีมีกิเลสน้อยเบาบางมีบารมีที่ดีสั่งสมอบรมมาแล้ว ซึ่งพอจะตรัสรู้ธรรมตามพระองค์ได้ก็มีอยู่ ผู้มีอินทรีย์ ศรัทธา วิริยะ สติสมาธิปัญญากล้าก็มี ผู้มีอินทรีย์อ่อนก็มีเป็นผู้จะพึงสอนให้รู้ได้โดยง่ายก็มี เป็นผู้จะพึงสอนให้รู้ได้โดยยากก็มีเป็นผู้สามารถจะรู้ได้ก็มีเป็นผู้ไม่สามารถจะรู้ได้ก็มีบุคคลจึงเปรียบเหมือนดอกบัวที่เกิดในน้ำเจริญในน้ำ น้ำเลี้ยงอุปถัมภ์ไว้ บางเหล่ายังจมอยู่ในน้ำบางเหล่าอยู่เสมอน้ำ บางเหล่าขึ้นพ้นน้ำแล้วในดอกบัว๓ เหล่านั้น ดอกบัวที่ขึ้นพ้นน้ำแล้วนั้นคอยสัมผัสรัศมีพระอาทิตย์อยู่จักบาน ณเช้าวันนี้ ดอกบัวที่ตั้งอยู่เสมอน้ำจักบาน ณวันพรุ่งนี้ ดอกบัวที่ยังไม่ขึ้นจากน้ำยังอยู่ภายในน้ำ จักบานในวันต่อ ๆไป ดอกบัวที่จะบานมีต่างชนิดฉันใด เวนัยสัตว์ที่จะตรัสรู้ธรรมก็มีต่างกัน ฉันนั้นเหมือนกัน คือ ผู้มีกิเลสน้อยเบาบาง มีอินทรีย์แก่กล้าเป็นผู้ที่พึงสอนให้รู้ได้โดยง่าย และอาจจะรู้ธรรมพิเศษนั้นได้โดยฉับพลัน ผู้มีคุณสมบัติเช่นนั้นเป็นประมาณปานกลางเมื่อได้รับอบรมในปฏิปทาอันเป็นบุพพาค จนมีอุปนิสสัยแก่กล้าดังกล่าว แต่ยังอ่อน ก็ยังควรได้รับการแนะนำในธรรมเบื้องต่ำต่อไปก่อนเพื่อบำรุงอุปนิสัย เมื่อเป็นเช่นนี้พระธรรมเทศนาของพระองค์คงไม่ไร้ผล จักยังประโยชน์ให้สำเร็จแก่คน ทุกหมู่เหล่า เว้นแต่จำพวกปทปรมะ ซึ่งมิใช่เวไนย คือไม่รับการแนะนำ ซึ่งเปรียบด้วยดอกบัวอ่อน อันจะเป็นภักษาหารของปลาและเต่าต่อไป ครั้นพระพุทธองค์ทรงพิจารณาด้วยพระปรีชาญาณหยั่งทราบเวไนยสัตว์ผู้จะรับประโยชน์จากพระธรรมเทศนาแล้วก็ทรงอธิษฐานพระหฤทัยในอันจะแสดงธรรมสั่งสอนไวไนยสัตว์ และตั้งพุทธปณิธานจะใคร่ดำรงพระชนม์อยู่จนกว่าจะได้ประกาศพระพุทธศาสนา ให้แพร่หลายประดิษฐานให้มั่นคงสำเร็จประโยชน์แก่ชนนิกรทุกหมู่เหล่าต่อไป พระพุทธจริยาที่ทรงรำพึงถึงธรรมที่จะแสดงโปรดชนนิกรผู้เป็นเวไนยบุคคลนั้นแล เป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปที่เรียกว่า ปางรำพึง.

คำทำนายคนเกิดวันศุกร์:

ผู้ใดเกิดวันศุกร์ บ่มีภัยทุกข์ซื่อสัตย์ทุกประการ เพื่อนฝูงญาติกา มักมาเบียดผลาญ แต่ว่าวงศ์วาน ไม่สู้มีมาก เมื่อน้อยนั้นหนา ทายว่าลำบากตกไร้ได้ยาก แทบสิ้นชีวี ต่อแก่ชรา จะเทียมเศรษฐีสมบัติเปรม

บางตำราว่า.. ผู้ใดเกิดวัน ๖ คือวันศุกร์ ศุกร์เป็นบริวาร ผู้นั้นมีความสุขมาก มียศมาก ๑ อาทิตย์ เป็นอายุ มีอายุยืน ๒ จันทร์เป็นเดชมีเดชมหึมา๓ อังคารเป็นศรี มีทรัพย์สินเงินทองมาก ๔ พุธเป็นมูลละ มีรูปงาม ๗ เสาร์เป็นอุตสาหะทำการใดๆไม่ใคร่จะแล้วมักค้างอยู่ ๕ พฤหัสบดีเป็นมนตรีดีนัก๘ ราหูเป็น กาลกิณี ร้ายนัก

ดอกไม้ประจําวันเกิด:

เธอที่เกิดวันนี้.. ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชันส่วน ดอกไม้ที่ถูกแลกโชคดีของเธอคือ กุหลาบทุกสีเพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือหรือจะเป็น ดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอแลตว่า"ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอนไปครองอีกดอกหนึ่ง

 

ของทำบุญประจำวันเกิด(ตักบาตรพระ):

อาหารคาว ประเภทของหอม หวาน ข้าวหอมมะลิ ผักกาดหอม ไข่เจียวหอมใหญ่ ยำหัวหอม
อาหารหวาน ขนมหวาน หอมทุกชนิด น้ำเก๊กฮวย ผลไม้ที่มีกลิ่นหอม กล้วยหอม เค้ก
ของถวายพระ นาฬิกา โต๊ะรับแขก ดอกไม้สวยหอม ระฆัง ย่าม
ไหว้พระปางรำพึง (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 21 (สวดแบบย่อ วา โธ โน อะ มะ มะ วา)
ทำทาน เด็กด้อยโอกาส ให้เงิน ให้เสื้อผ้า อาหารที่หอมหวานชวนกิน เช่น ไอศกรีม
พฤติกรรม ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใส บำรุง ดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอด จัดสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ สวยงาม เลิกการฟุ่มเฟือย

บทสวดมนต์ประจำวันเกิด:

อัปปะสันเนหิ นาถัสสะ สาสะเน สาธุ สัมมะเต อะมะนุสเนหิ จัณเฑหิ สะทา กิพพิ สะการิภิปะริสานัญจะ ตัสสันนัง มะหิงสายะ จะ คุตติยา ยันเทเสหิ มะหาวีโร ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ(เป็น คาถาสำหรับผู้ที่เกิดวันศุกร์ใช้สวดภาวนาวันละ ๒๑ จบ จะมีความสุขสำราญเนืองนิตย์ และป้องกันยักษ์ผีปีศาจต่างๆพระพุทธรูปท่านควรมีไว้ประจำตัวคือ พระพุทธรูปปางรำพึง ไว้สักการะบูชาในบ้านเป็นสิริมงคลดียิ่งแลฯ

ลักษณะพระพุทธรูป:

พระพุทธรูปปางนี้อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิราบทรงหงายพระหัตถ์ทั้งสองแบวางซ้อนกันบนพระเพลาพระหัตถ์ขวาซ้อนทับพระหัตถ์ซ้าย มีพญานาคแผ่พังพานปกคลุมเบื้องพระเศียร

ประวัติย่อ:

ครั้นพระพุทธองค์เสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข ณร่มไม้อชปาลนิโครธสิ้น๗ วัน แล้วพระองค์ก็เสด็จไปประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขยังร่มไม้จิก อันมีชื่อว่ามุจจลินท์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศอาคเนย์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ วันนั้นเกิดฝนตกพรำอยู่ไม่ขาดสายตลอด ๗ วัน พญานาคมุจจลินท์ ผู้เป็นราชาแห่งนาคได้ออกจากนาคพิภพ ทำขนดล้อมพระวรกาย ๗ ชั้น แล้วแผ่พังพานใหญ่ปกคลุมเบื้องบนเหมือนกั้นเศวตฉัตรถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยความประสงค์มิให้ฝนและลมหนาวสาดต้องพระวรกาย ทั้งป้องกันเหลือบ ยุงบุ้ง ร่าน ริ้น และสัตว์เลื้อยคลานทั้งมวลด้วย ครั้งฝนหายแล้ว พญามุจจลินท์นาคราชจึงคลายขนดจากที่ล้อมพระวรกาย พระพุทธเจ้า จำแลงเพศเป็นมาณพน้อยยืนทำอัญชลีถวายนมัสการพระพุทธองค์ในที่เฉพาะพระพักตร์ ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานว่า สุโข วิเวโก ตุฏฺฐัสสะ สุตะธัมมัสสะ ปัสสะโตอัพยาปัชชัง สุขัง โลเก ปาณะภูเตสู สัญญะโม สุขา วิราคะตา โลเก กามานัง สะมะติกฺกะโม อัสมิมานัสสะวินะโย เอตัง เว ปะระมัง สุขัง ฯ ความว่า ความสงัดเป็นสุขของบุคคลผู้มีธรรมอันได้สดับแล้ว รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความเป็นคนไม่เบียดเบียนคือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความเป็นคนปราศจากความกำหนัด คือความก้าวล่วงกามทั้งปวงเสียได้ เป็นสุขในโลกความนำออกเสียซึ่งอัสมินมานะคือความถือตัวตนให้หมดได้นี้เป็นสุขอย่างยิ่ง พระพุทธจริยาที่เสด็จประทับนั่งเสวยวิมุตติสุข ภายในวงขนดของพญานาคมุจจลินท์นาคราชที่ขดแวดล้อมพระกายอยู่นี้ เป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปปางนี้ขึ้นมา เรียกว่าปางนาคปรก เรื่องพระปางนาคปรกนี้ นิยมสร้างเป็นพระนั่งบนขนดตัวพญานาคเหมือนเอานาคเป็นบัลลังก์ดูสง่าองอาจเป็นพระเกียรติอำนาจของพระองค์อย่างหนึ่ง ได้ลักษณะเป็นอย่างพระเจ้าของพราหมณ์ถ้าจะรักษาลักษณะของพระพุทธรูปตามประวัติก็จะเป็นไปอีกในลักษณะหนึ่งคือ พระพุทธรูปจะมีพญานาคพันรอบพระวรกายด้วยขนดตัวพญานาคถึง ๔-๕ ชิ้น จนบังพระวรกายมิดชิด เพื่อป้องกันฝนและลมจะเห็นได้ก็เพียงพระเศียร พระศอ และพระอังสาเป็นอย่างมากทั้งเบื้องบนก็มีหัวพญานาคแผ่พังพานปกคลุมอีกด้วย.

คำทำนายคนเกิดวันเสาร์:

ผู้ใดเกิดวันเสาร์เพื่อนฝูงพงศ์เผ่ามักให้อันตราย น้ำใจห้าวหาญ เพื่อนฝูงมากมาย พี่น้องสืบสาย มักผิดใจกัน น้ำใจจองหอง โมโหหุนหัน ทุบถองตีรันชอบใจทุกสิ่ง เบ็ดเตร็ดเสเพล นักเลงผู้หญิง นักเลงทุกสิ่ง ชอบใจคนพาล ทำการสิ่งใด ให้เกียจให้คร้าน พี่น้องวงศ์วาน เขาไม่ดูดีคบเพื่อนสูงศักดิ์รักกัน เต็มที่ มิได้หน่ายหนี มักแพ้ลูกเมีย ผู้คนทั้งหลาย

บางตำราว่า.. ผู้เกิดวัน ๗ คือวันเสาร์ เสาร์เป็นบริวาร มีลูกมีข้าไท ว่าสอนยาก ๕ พฤหัสบดีเป็นอายุ มีอายุยืน ๘ ราหูเป็นเดช มีเดชดังราห์๖ ศุกร์เป็นศรีมีทรัพย์มาก ๑ อาทิตย์เป็นมูลละมีสุขภาพและนรลักษณ์ดีจันทร์เป็นอุตสาหะ ทำการงานไม่สู้ดี ๓ อังคารเป็นมนตรี ร้ายนักมิซื่อตรงคิดจะทำร้ายเขา ๔ พุธเป็นกาลกิณี ร้ายนัก ไม่ซื่อตรงต่อผู้ใดเลย

ดอกไม้ประจําวันเกิด:

เธอที่เกิดวันเสาร์ จะมีต้นไม้พวก ตันกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด และดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียสจึงรักใครยาก หน่อยทว่าดอกลิลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว.

 

ของทำบุญประจำวันเกิด(ตักบาตรพระ):

อาหารคาว ประเภทของขม ของดำมะระยัดไส้ สะเดาน้ำปลาหวาน น้ำพริกปลาทู มะเขือยาว
อาหารหวาน ลูกตาลเชื่อม กาแฟ โอเลี้ยง
ของถวายพระ ร่มสีดำ กระเบื้องมุงหลังคา ไม้กวาด สร้างห้องน้ำถวายวัด
ไหว้พระปางนาคปรก (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 10 (สวดแบบย่อ โส มา ณะ กะ ระ ถา โธ)
ทำทาน โรงพยาบาลโรคจิต โรงพยาบาลโรคประสาท
พฤติกรรม กวาดลานวัด ล้างห้องน้ำวัด ไม่เครียด มองโลกในแง่ดี ขยะในบ้านยกทิ้งทุกวัน อย่าหมักหมม

บทสวดมนต์ประจำวันเกิด:

ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตา เตน สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ คัพภัสสะ ฯ(เป็นคาถาสำหรับผู้ที่เกิดวันเสาร์ใช้ภาวนาเป็นประจำ วันละ ๑๐ จบจะได้มีความวัฒนาถาวรด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละต่อไป พระพุทธรูปที่ท่านควรมีไว้ประจำตัวและสักการะ คือ พระพุทธรูปปางนาคปรก).

พระคาถาบูชาพระเกตุ (วันทั้งเจ็ด)

ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน เอวัง ตวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเลอะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะ พุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯสุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัมหมะจาริสุปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณาปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณฯ

(ผู้ที่จำวันเกิดไม่ได้ ให้บูชาพระเกตุ)

พระพุทธรูปปางสมาธิเพชรนี้ พระเกตุเสวยอายุมีกำลัง ๙ ผู้ที่เกิดวันนี้พึงสวดพระคาถานี้ ๙ จบก่อนเข้านอนพระปางนี้ใช้เพื่อทำการสักการะบูชาได้โดยทั่วไป คือ หาชมได้ยากและมีผู้สร้างน้อยจะมีเห็นอยู่บ้างก็เห็นขนาดเล็ก เรียกว่า พระนิรันตราย และ พระนิโรคันตราย.

guest

Post : 2011-02-27 10:37:11.0     Forum: สาระน่ารู้  >  พระพิฆเนศ 32 ปาง

ปางที่ 1 : พระบาล คณปติ (Bala Ganapati)

อวตารภาคเด็ก : ปางอันเป็นที่รักของทุกคนและเด็กๆ "โอม ศรี บาลา คณปติ ยะนะมะฮา"

เป็นพระพิฆเนศในวัยเด็ก คลานอยู่กับพื้น หรืออิริยาบทอื่นๆ เมื่อโตขึ้นจึงเปลี่ยนลักษณะ มีวรรณะสีแดงเข้มมี 4 กรบาลคณปติ หมายถึงสีทองของพระเจ้าทรง้นอ้อย มะม่วง กล้วย และขนุนทรงูกมะขวิด แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และภาวะการเจริญเติบโตนิยมบูชาในบ้านเรือน หรือโรงเรียนที่มีเด็กเล็ก เด็กนักเรียน เช่น โรงเรียนอนุบาลและชั้นประถม สถานรับเลี้ยงเด็ก สนามเด็กเล่น ฯลฯ

ปางที่ 2 : พระตรุณ คณปติ (Taruna Ganapati)

อวตารภาควัยหนุ่ม : ปางที่ให้คุณประโยชน์ในกิจการงาน "โอม ศรี ตรุณะ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีแดงอมส้มเหมือนอาทิตย์ยามแรกอรุณ มี 8ทรงข้าว ต้นอ้อย ตะบอง บ่วงบาศ งาหักผลฝรั่ง ขนมโมทกะ และขนมอื่นๆ ปางนี้เป็นตัวแทนการเจริญเติบโต ความเป็นหนุ่มสาวนิยมตั้งบูชาไว้ตามสถานศึกษา มหาวิทยาลัย หรือสถานที่ทำงานที่เต็มไปด้วยคนหนุ่มสาววัยกระตือรือร้น

ปางที่ 3 : พระภักติ คณปติ (Bhakti Ganapati)

ปางบูชาขอพระเวท เพื่อความสมบูรณ์เติมเต็มของชีวิต "โอม ศรี ภัคดี คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีขาวบริสุทธิ์ดั่งพระจันทร์เต็มดวงในฤดูเก็บเกี่ยว มี 4ทรงมะม่วง กล้วย ลูกมะพร้าว และถ้วยข้าวปาส(ปรุงด้วยนมสด และข้าวสาร มีรสหวาน)พระภัคติ คณปติ หมายถึงผู้ภักดีอย่างแท้จริงบูชาเพื่อความสุขสมหวังในชีวิต หรือเพื่อหลุดพ้น

ปางที่ 4 : พระวีระ คณปติ (Veera Ganapati)

อวตารแห่งนักรบ ปางออกศึก และปราบมาร ให้อำนาจในการบริหารปกครอง และความเป็นผู้นำ "โอม ศรี วีระ คณปติ ยะนะมะฮา

วรรณะสี แดงโลหิต มี 16 กร ทรงอาวุธ และสิ่งมงคลต่างๆคือ โล่ หอก ค้อน คทา ธงชัย จักรตรา พญางู ขวาน คันศร ลูกศร ตรีเพชร ขอสับช้าง อสูร กระบี่ ตะบอง และบ่วงบาศ พระกรเหล่านั้นกางออกประดุจรัศมีอำนาจแห่งดวงอาทิตย์ อำนวยผลให้กับองค์กรบริหารราชการแผ่นดิน ทหาร ตำรวจ พลเรือน ฝ่ายปกครอง ผู้นำ ผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานทุกประเภท

ปางที่ 5 : พระศักติ คณปติ (Shakti Ganapati)

ปางทรงอำนาจเหนือการงาน การเงิน และความรัก "โอม ศรี ศักติ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีแป้งจันทร์ มี 4 กร ประทานพรทรงมาลัย บ่าวบาศ และกรหนึ่งโอบพระชายาที่ประทับอยู่หน้าตักด้านซ้าย รัศมีสีแดงส้ม สื่อถึงพลังอำนาจที่อยู่เหนือสรรพสิ่งอำนวยผลให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

ปางที่ 6 : พระทวิชา คณปติ (Dwija Ganapati)

ปางของการบุกเบิก เริ่มต้นชีวิตใหม่ เปิดกิจการใหม่ "โอม ศรี ทวิชา คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีขาวมี 4 เศียร 4ทรงลูกปะคำ ไม้ครู(หรือพลอง) กาน้ำ และคัมภีร์ เป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดใหม่ ความพากเพียร และแสวงหาวิชาความรู้อำนวยผลให้กับผู้ประกอบกิจการต่างๆ นักธุรกิจ นักลงทุน นักสำรวจ นักบุกเบิก คนทำงานต่างแดน เป็นต้น

ปางที่ 7 : พระสิทธิ คณปติ (Siddhi Ganapati)

ปางประทานความสมบูรณ์ และทรัพย์สมบัติ "โอม ศรี สิทธิ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีทองคำ มี 4ทรงช่อดอกไม้ มะม่วง ต้นอ้อย และขวาน ส่วนงวงนั้นชูขนม คอยประทานความร่ำรวย และความอุดมสมบูรณ์ให้กับโลก อำนวยผลด้านทรัพย์สินเงินทอง และความอุดมสมบูรณ์

ปางที่ 8 : พระอุจฉิษฏะ คณปติ (Uchhishta Ganapati)

ปางเสน่หา และความสำเร็จสมปรารถนา "โอม ศรี อุจฉิษฏะ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีฟ้าเทาดุจเมฆา มี 6 กร ประทับนั่งโดยพระกรหนึ่งโอบอุ้มศักติชายาอยู่ที่ตักด้านซ้าย ส่วนพระกรอื่นถือลูกประคำ ลูกทับทิม พิณ รวงข้าว และดอกบัวอำนวยผลให้เกิดเสน่ห์ และความสำเร็จในด้านต่างๆตามแต่จะขอพร

ปางที่ 9 : พระวิฆณา คณปติ (Vighna Ganapati)

ปางขจัดอุปสรรค และแก้ไขปัญหา "โอม ศรี วิฆนา คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีทองคำ มี 8 กร ทรงมาลัย ขวาน ดอกไม้ จักรตรา หอยสังข์ ต้นอ้อย(เป็นคันศร) บ่วงบาศ และตะบอง อำนวยผลให้ประสบความสำเร็จทั่วไป ตามแต่จะอธิษฐาน

ปางที่ 10 : พระกษิประ คณปติ (Kshipra Ganapati)

ปางประทานพรให้สำเร็จรวดเร็ว "โอม ศรี กษิประ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีแดงเข้มดุจกุหลาบ มี 4 กร เป็นผู้ให้ศีลให้พร ประทานพรให้เกิดผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว ทรงตะบอง งาหัก บ่วงบาศ และช่อดอกไม้อำนวยผลให้ประสบความสำเร็จทั่วไป ตามแต่จะอธิษฐาน

ปางที่ 11 : พระเหรัมภะ คณปติ (Heramba Ganapati)

ปางปกป้องคุ้มครอง "โอม ศรี เหรัมภะ คณปติ ยะนะมะฮา

วรรณะสี ขาว มี 5 เศียร 10 กร ประทับนั่งบนหลังสิงโต หมายถึง พลังอำนาจในการปกครองบริวาร กางพระกรประดุจรัศมีคุ้มกันสรรพภัย พระหัตถ์ซ้ายประทานพร พระหัตถ์ขวาอำนวยพรทรงมะม่วง ลูกประคำ ขนมโมทกะ งาหัก บ่วงบาศ ค้อน ขวานและพวงมาลัย บูชาเพื่อขจัดความอ่อนแอ ไร้พลังเป็นปางหนึ่งที่พระราชาในอินเดียนิยมบูชากันมาก อำนวยผลด้านการปกป้องคุ้มครองบริวาร การบริหาร ปกครองของผู้นำ

ปางที่ 12 : พระมหา คณปติ (Maha Ganapati)

ปางประทานความสุขอันยิ่งใหญ่ให้ครอบครัว "โอม ศรี มหา คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีแดง มี 10 กร 3 เนตร ประดับจันทร์เสี้ยวบนมงกุฎปางนี้ทรงอุ้มชายา คือพระนางพุทธิ และพระนางสิทธิไว้บนตักทั้งสองข้าง(บางตำราว่าอุ้มองค์เดียว)ทรงโถใส่อัญมณี รวงข้าว จักรตรา บ่วงบาศ ดอกลิลลี่ ต้นอ้อย (เป็นคันศร) ดอกบัว และลูกทับทิมแดง อำนวยผลให้ครอบครัวเกิดความสมบูรณ์พูนสุข มีทรัพย์สิน และบริวารมาก

ปางที่ 13 : พระวิชัย คณปติ (Vijaya Ganapati)

ปางกำจัดอุปสรรค และความมืดมิด "โอม ศรี วิชะยา คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีแดง มี 4 กร ประทับบนตัวหนู หมายถึงการทำลาย ความมืดมิดและอุปสรรคทั้งหลายให้หมดไปทรงะบอง ผลมะม่วง และบ่วงบาศอำนวยผลทางปัญญาให้กับครูบาอาจารย์ ปัญญาชน ศิลปิน นักคิด นักเขียน และช่างฝีมือทุกแขนง

ปางที่ 14 : พระลักษมี คณปติ (Lakshmi Ganapati)

ปางแห่งความมั่งมีศรีสุข และปรีชาญาณ "โอม ศรี ลักษมี คณปติ ยะนะมะฮา

วรรณะสี ขาว มี 8 กร เป็นเทพแห่งการให้ที่บริสุทธิ์ สีขาวหมายถึงการมีสติปัญญาสูงส่ง พระหัตถ์ทั้งสองข้างโอบอุ้มพระชายา 1 หรือ 2 พระองค์ คือพระนางพุทธิ และพระนางสิทธิ (บางตำราว่าหนึ่งในนั้นคือพระลักษมี จึงเรียกว่า ลักษมี คณปติ)ทรงผลทับทิมแดง ช่อกัลปพฤกษ์ นกแก้ว ตะบอง บ่วงบาศ โถใส่อัญมณี และกระบี่ อำนวยผลทางด้านสติปัญญา และความมั่งมีศรีสุข

ปางที่ 15 : พระนฤตยะ คณปติ (Nritya Gannapati)

ปางนาฏศิลป์ เจ้าแห่งลีลาการร่ายรำ และศิลปะการแสดง "โอม ศรี นฤตยะ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสี เหลืองทอง มี ๔ กร เป็นนักเต้นร่ายรำระบำฟ้อน และเป็นนักแสดงที่สร้างความบันเทิง และความสุขให้ชาวโลก ประทับยืนเข่าขวาเหยียบบนดอกบัวทรงะบอง บ่วงบาศ และขวาน ควรตั้ง บูชาในวิทยาลัยนาฏศิลป์ โรงเรียนสอนเต้นรำ บัลเล่ต์ โยคะดัดตน โรงเรียนสอนการแสดง โรงละคร โรงถ่ายทำภาพยนตร์ และสถานบันเทิงต่างๆตามความเหมาะสม

ปางที่ 16 : พระอุทวะ คณปติ (Urdhva Ganapati)

ปางช่วยให้สมปรารถนาในทุกสิ่ง "โอม ศรี อุทวะ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีทอง มี 6 กร พระกรข้างหนึ่งโอบพระชายาไว้บนตัก ด้านซ้ายทรงถือดอกบัว คบเพลิง ช่อดอกไม้ งาหัก ลูกศร คันศรทำจากต้นอ้อย และรวงข้าวในนิกายตันตระ นิยมบูชาปางนี้เพื่อประโยชน์ในการทำพิธีด้านเสน่ห์ อำนวยผลให้สมปรารถนาทุกประการ

ปางที่ 17 : พระเอกอักษรา คณปติ (Ekaakshara Ganapati)

ปางทรงอำนาจด้านพระเวท "โอม ศรี เอกา อักษรา คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีแดง มี 4 กร มีดวงตาที่สาม ประดับจันทร์เสี้ยวอยู่เหนือเศียร กรหนึ่งประทานพรทรงะบอง บ่วงบาศ และผลทับทิม ประทับเหนือพาหนะคือหนูอำนวยผลด้านป้องกันอาถรรพณ์ และคุณไสยสำหรับบุคคลทั่วไป และผู้ร่ำเรียนด้านพระเวท หรือสรรพศาสตร์ด้านต่างๆ

ปางที่ 18 : พระวระ คณปติ (Vara Ganapati)

ปางแห่งความรักที่สุขสมหวัง "โอม ศรี วะระ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสี แดง มี 4 กร 3 เนตร มีดวงตาที่สาม อันเป็นดวงตาแห่งสติปัญญา และมีจันทร์เสี้ยวประดับเหนือเศียร กรหนึ่งโอบกอดชายาบนตักทรงชามขนม ตะบอง และบ่วงบาศ ที่งวงชูโถใส่น้ำผึ้งอำนวยผลให้สมหวังในความรัก ควรตั้งบูชาไว้ในร้านเสื้อผ้า ร้านค้าที่เกี่ยวกับการสมรส การแต่งงาน และความรัก ฯลฯ

ปางที่ 19 : พระตรีอักษรา คณปติ (Tryakshara Ganapati)

ปางกำเนิดอักขระโอม "โอม ศรี ตรีอักษรา คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีทอง มี 4ทรงะบอง บ่วงบาศ มะม่วง และมีขนมโมทกะอยู่ที่งวง อำนวยผลด้านการเรียนพระเวท และอักษรศาสตร์

ปางที่ 20 : พระกศิปะ ปรสัท คณปติ (Kshipra-Prasada Ganapati)

ปางประทานทรัพย์ และความรอบรู้ "โอม ศรี กศิปะ ปรสัท คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสี แดง มี 6 กร ท้องที่ใหญ่นั้นเป็นสัญลักษณ์ของจักรวาล หมายถึงความอุดมสมบูรณ์แห่งโภคทรัพย์ และความรอบรู้อันกว้างไกลทรง้นทับทิม ตะบอง บ่วงบาศ ดอกบัว และผลทับทิมเหมาะสำหรับตั้งบูชาในสถานศึกษา มหาวิทยาลัย สถานอบรมวิชาชีพต่างๆ หรือบริษัทห้างร้านทั่วไป

ปางที่ 21 : พระหริทรา คณปติ (Haridra Ganapati)

ปางรวยเสน่ห์ และรวยทรัพย์ "โอม ศรี หริทรา คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสี เนื้อ หรือสีเหลืองอ่อน มี 3 เนตร 4ทรงะบอง บ่วงบาศ และขนมโมทกะ ใช้อำนาจของบ่วงเพื่อร้อยรัดศรัทธาของผู้เลื่อมใส และตะบองผลักดันให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอำนวยผล ให้ทุกคนที่อยากมีเสน่ห์ และร่ำรวย เช่น ดารานักแสดง นักดนตรี นักร้อง ดีเจ พิธีกร หรือผู้ให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม ซึ่งต้องใช้พรสวรรค์ และเสน่ห์ส่วนตัว

ปางที่ 22 : พระเอกทันตะ คณปติ (Ekadanta Ganapati)

ปางสำเร็จทุกสิ่ง "โอม ศรี เอกทันตะ ปะระสัท คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีฟ้า มี 4ทรงขวาน (เพื่อใช้กำจัดอวิชา)ทรงลูกประคำ (เพื่ออธิษฐาน) ผลไม้ และงาข้างที่หัก เอกทันตะหมายถึงเทพเจ้าผู้มีงาข้างเดียว อำนวยผลให้ประสบความสำเร็จทุกสิ่งตามแต่จะอธิษฐาน

ปางที่ 23 : พระสะริสติ คณปติ (Shrishti Ganapati)

ปางออกเดินทาง และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ "โอม ศรี สะริสติ ปะระสัท คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีแดงส้ม มี 4 กร ขี่หนูเป็นพาหนะทรงะบอง มะม่วง และบ่วงบาศ อำนวยผล ให้กับผู้ประกอบอาชีพด้านการเดินทางที่ไม่หยุดนิ่ง เช่น นักบิน สจ๊วต แอร์โฮสเตส กัปตันเรือ มัคคุเทศก์ ผู้ทำงานด้านสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆไม่หยุดนิ่งเช่น นักคิด นักเขียน นักโฆษณา นักออกแบบ เป็นต้น

ปางที่ 24 : พระอุททันตะ คณปติ (Uddanda Ganapati)

ปางกำจัดภูตผี และคุณไสย "โอม ศรี อุททันตะ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสี แดง มี 10ทรงโถใส่ขนม หรือน้ำผึ้ง ดอกบัว ดอกลิลลี่สีฟ้า คทา ต้นอ้อย กิ่งไม้ บ่วงบาศ พวงมาลัย และผลทับทิม โดยใช้กรซ้ายโอบพระชายาอยู่ที่ตักด้านซ้ายอำนวยผลด้านขจัดทุกข์ภัย และอาถรรพณ์ต่างๆ บันดาลให้ครอบครัวมีความสุข

ปางที่ 25 : พระรีนาโมจัน คณปติ (Runamochana Ganapati)

ปางแก้กรรม และขจัดหนี้สิน "โอม ศรีโอมจัน คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีขาว มี 4 กร มีหน้าที่ปลดปล่อยมนุษย์ออกจากพันธนาการ คำสาปและความผิดพลาดทั้งหลายทรงะบอง บ่วงบาศ และขนมโมทกะเหมาะบูชาสำหรับผู้ต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ให้ดีขึ้น (พลิกดวงชะตา) แก้ไขกรรมเก่า ปลดหนี้สิน ล้างมลทินทั้งปวง

ปางที่ 26 : พระตันติ คณปติ (Dhundhi Ganapati)

ปางขุมทรัพย์ทางปัญญา "โอม ศรี ตันติ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีแดง มี ๔ทรงูกประคำ ขวาน โถใส่อัญมณี ที่แสดงขุมทรัพย์ของผู้มีพุทธิปัญญาอำนวยผลให้กับผู้ทำงานด้านใช้ความคิด ใช้ปัญญาสร้างสรรค์ทุกแขนง

ปางที่ 27 : พระทวิมุข คณปติ (Dwimukha Ganapati)

ปาง 2 เศียร "โอม ศรี ทวิมุข คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีเนื้อ มี 2 เศียร 4ทรงะบอง บ่วงบาศ และโถอัญมณี เป็นปางที่เป็นคนที่ปรับตัวได้กับทุกคนให้ทรัพย์มาก และขจัดอวิชาอำนวยผล ให้กับผู้ทำงานด้านประชาสัมพันธ์ ด้านติดต่อเจรจา ประสานงาน เป็นสื่อกลางต่างๆ นักการทูต นักจิตวิทยาที่ต้องใช้มนุษย์สัมพันธ์สูง

ปางที่ 28 : พระตรีมุข คณปติ (Trimukha Ganapati)

ปาง 3 เศียร "โอม ศรี ตรีมุข คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีแดง หรือสีชมพูสด มี 3 เศียร 6 กร สามเศียรหมายถึง ภพทั้งสาม (สวรรค์,โอมนุษย์, บาดาล) ปางหนึ่งประทับนั่งบนดอกบัว ทรงประทานพร พระหัตถ์ขวาประทานอภัยพระหัตถ์ซ้ายอำนวยพร กรอื่นๆทรงถือตะบอง ลูกปะคำ บ่วงบาศ และโถใส่น้ำผึ้ง อำนวยผลทางด้านโภคทรัพย์ มีอำนาจ และแคล้วคลาดปลอดภัย

ปางที่ 29 : พระสิงหะ คณปติ (Sinha Ganapati)

ปางประทับราชสีห์ "โอม ศรี สิงหะ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสี ขาว มี 8 กร พระหัตถ์ขวาประทานอภัย พระหัตถ์ซ้ายอำนวยพรทรงช่อดอกไม้ ราชสีห์ พิณ ดอกบัว โถอัญมณี ประทับบนสิงโต (คล้ายพระเหรัมภะคณปติ) หมายถึงพลังอำนาจในการปกครองบริวาร ผิววรกายขาวเป็นสัญลักษณ์ของพลังบริสุทธิ์ หรือการหลุดพ้นการอำนวย ผลและสถานที่สำหรับตั้งบูชา เป็นดุจเดียวกับ พระเหรัมภะคณปติ และพระวีรคณปติ คืออำนวยผลให้กับองค์กรบริหารราชการแผ่นดิน ทหาร ตำรวจ พลเรือน ฝ่ายปกครอง ผู้นำ ผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานทุกประเภท

ปางที่ 30 : พระโยคะ คณปติ (Yoga Ganapati)

ปางแห่งพระเวท หรือปางสมาธิกรรมฐาน "โอม ศรี โยคะ คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีทองคำ มี 4ทรงูกประคำ ต้นอ้อย บ่วงบาศ และขอสับช้าง เป็นปางแห่งพระเวท และการรักษาโรคภัยต่างๆอำนวยผลให้กับผู้เป็นอาจารย์ และนักศึกษาโยคะสมาธิแบบต่างๆ เหมาะสำหรับตั้งบูชาไว้ในสถานศึกษาหรือบูชาไว้ใน เทวสถาน เทวาลัย โรงเรียนสอนศาสนาฮินดู ห้องพระ ห้องปฏิบัติธรรมภายในบ้าน เป็นต้น

ปางที่ 31 : พระทุรคา คณปติ (Durga Ganapati)

ปางมหาอำนาจ "โอม ศรี ทุรคา คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีทอง มี 8ทรงะบอง คันศร ลูกศร บ่วงบาศ ธงชัย ลูกประคำ และขนมโมทกะเป็นปางที่พระราชาในชมพูทวีปนิยมสักการบูชามากปางหนึ่งอำนวยผลดีต่อผู้มีหน้าที่ราชการ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ฝ่ายปกครอง ผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานทุกระดับ

ปางที่ 32 : พระสังกตะหะรา คณปติ (Sankatahara Ganapati)

ปางทำลายอุปสรรค และความเศร้าหมอง "โอม ศรี สังกตะ หะรา คณปติ ยะนะมะฮา"

วรรณะสีแดงส้ม มี 4 กร ประทับนั่งบนดอกบัวสีแดง พระหัตถ์ขวาอำนวยพรพระหัตถ์ซ้ายโอบชายาบนตักซ้าย ส่วนกรอื่นทรงถือชามขนม ตะบอง และบ่วงบาศอำนวยผลให้ครอบครัวมีความสุข หรือประสบความสำเร็จ ตามแต่จะอธิษฐาน

credit : http://www.igetweb.com/www/srichinda2/

1

ทีมงานนกหัวขวาน

งานฝีมือต้นตำหรับช่างแกะสลักไม้ สายพระพุทธรูป

สนใจติดต่อ ช่างกิต โทร 0810271593